เที่ยว Yves Saint Laurent Museum : SS Museum EP.19 มิวเซียมของแบรนด์แฟชันระดับโลกที่มอร็อคโค
.
.
เที่ยว Yves Saint Laurent Museum — กลับมาแล้ว สำหรับช่วง SS Museum ที่เราชื่นชอบมากๆ และเป็นคอลัมน์สุดรักของเราตอนหนึ่ง และแน่นอนว่าเรายังอยู่กับ Design Museum ระดับโลกที่เรารัก และที่นี่คือ Yves Saint Laurent Museum มิวเซียมของดีไซเนอร์ หรือ แบรนด์เนม แบรนด์แฟชันระดับโลก กับประเทศที่แปลกไปคือเมือง Marrakech ประเทศ Morocco ทวีปแอฟริกา! — แล้วทำไม ยิปแซง ถึง เกี่ยวกับ มอร็อคโคได้ เราจะมาเล่าให้ฟัง
หากใครที่ชื่นชอบ เรื่องราวเจาะลึก เรื่อง พิพิธภัณฑ์ ดีไซน์ มีอีกเยอะ ที่ >> คลิกอ่านเลย
.
.
Yves Saint Laurent
ก่อนที่จะไปทำความรู้จักที่นี่ เราขอแนะนำให้รู้จักกับ เจ้าของชื่อพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ และเป็นแฟชันดีไซเนอร์ชื่อดังของโลก นั่นคือ คุณ Saint Laurent หรือ Yves Saint Laurent (อีฟว์ แซ็ง โลร็อง) เป็นชาวแอลจีเรียเชื้อสายฝรั่งเศส ที่เรียกว่า ฐานะที่บ้านค่อนข้างดี เมื่อเทียบกับชาวแอลจีเจียคนอื่นๆ (ที่มีเชื้อสายฝรั่งเศสเพราะสมัยนั้น ฝรั่งเศสปกครองแอลจีเรียอยู่)
.
.
ด้วยความที่ฐานะดี และไม่ได้รับความเดือดร้อนจากสงครามโลกครั้งที่ 2 เลย และเป็นเด็กที่ค้นพบตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อยจาก นิตยสาร Vogue ว่า จะเป็น Fashion Designer ให้ได้ และทำการประกวดต่างๆ ของ Vogue จนได้ไปยังฝรั่งเศส และ ได้ไปเป็นลูกศิษย์ของ Christian Dior (อีกหนึ่งดีไซเนอร์ชื่อดังจนกลายมาเป็นแบรนด์เนมเช่นกัน) จนในช่วงปี 2501 ที่ Dior ได้เสียชีวิตลง Yves Saint Laurent ในวัยเพียง 21 ปี ต้องกลายมาเป็นผู้สืบทอดของแบรนด์ Dior คนต่อไป
.
.
ในช่วงกลางค่อนไปทางหลังของชีวิต ในปี 1966 Yves ได้เดินทางมายังประเทศ มอร็อคโค และตกหลุมรักที่นี่ทันที จนตัดสินใจย้ายบ้าน และมาอยู่อาศัยที่นี่ ทำงานที่นี่ (ถ้าใครดูหนังเรื่อง Saint Laurent จะเข้าใจมากข้ึน)
.
![Yves Saint Laurent Celebrates Its 60th Anniversary [PHOTOS] – WWD](https://wwd.com/wp-content/uploads/2022/02/Yves-Saint-Laurent-60th-Anniversary-WWD-16.jpg?w=800)
.
Red Brick Architecture
.
.
Musée Yves Saint Laurent Marrakech — ในปี 2017 พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถูกจัดให้เป็นที่ที่เห็นครั้งเดียวก็จำได้ ด้วยรูปทรงตึกที่แสน Modern พร้อมวัสดุอิฐดินเผา (ที่ดูธรรมดาในบ้านเรา แต่พอเรียงตัวกันอย่างดีแล้วสวยมาก) ที่อิฐดินเผาทุกก้อนนั้น ทำมาจากวัสดุท้องถิ่น หาง่าย และด้านหน้าของอาคารมีจุดตัดของก้อนอิฐที่เหมือนลูกไม้ คล้ายกับการทอผ้า ที่ถือว่าเป็นการเรียงอิฐที่แปลกใหม่ หรูหรา และเส้นโค้ง ตัดกับเส้นตรง เพื่อสื่อถึงความพิถีพิถันในโลกของแฟชัน เมื่อมาผสมผสานกับความแปลกใหม่ของสถาปัตยกรรม แต่ยังคงความทนทาน เท่ ที่เป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ไว้ได้อย่างดี
.
.
อิฐแดงถูกเรียงรายบนพื้นที่กว่า 3,000 ตารางเมตร ยิ่งทำให้ดูกลมกลืนกับเมือง ผสมความเท่ลงไปด้วย ทำให้ที่นี่กลายมาเป็น Travel Destination ของคนที่มายังเมือง มาราเกซ ตลอดมา
.
.
ที่นี่ถือว่าเป็น Fashion Museum แห่งแรกของทวีปแอฟริกา และ ออกแบบโดย Studio KO จาก Paris โดยมี Björn Dahlstrom เป็น Musuem Director ที่ดูการออกแบบทั้งหมด และการดูแลนิทรรศการภายในโดย Christophe Martin ที่รวมไปถึง ห้องสมุด ร้านค้า โรงภาพยนตร์ แบรนด์คาเฟ่ ที่เรียกว่า ครบทุกสิ่งที่มิวเซียมควรจะเป็น
.
.
นอกจากมิวเซียมแล้ว ด้านในยังอยู่ติดกับ Jardin Majorelle ที่เป็นสวนพรรณไม้ของเมือง และถือเป็นส่วนเดียวกับมิวเซียมเพราะถูกดูแลโดย Saint Laurent อีกเช่นกัน
.
Jardin Majorelle
.
.
นอกจากความเป็นอิฐแดงแล้ว อีกส่วนของมิวเซียมที่เราแนะนำให้เดินต่อกันคือ สวนพรรณไม้ของเมือง ที่จุดเด่นคือ สีน้ำเงิน Cobalt, Indigo ที่เด่นชัดมาก และพิเศษไปกว่านั้น สีน้ำเงินนี้ คือสีพิเศษ ที่หาที่ไหนในโลกไม่ได้นอกจากที่ Morocco จนถูกตั้งชื่อเรียกว่า “Majorelle Blue”
.
.
สวน Jardin Majorelle มีลักษณะคล้ายวิลล่าสไตล์มอร็อคโค (แน่สิ เค้าอยู่ที่นี่) ที่ถูกทาด้วยสี Majorelle Blue ซึ่งเราขอเล่าเพิ่มเติมว่า เป็นสีน้ำเงินสด ซึ่งหายากมากๆ ถูกเรียกว่า Ultra Marine ในสมัยก่อน ถ้านึกออก สีน้ำเงินนี้จะถูกใช้ตามยุคอียิปต์แล้ว เพราะยุคนั้นการกว่าจะได้สีน้ำเงินนี้ ต้องใช้หินแร่ที่มีค่าสูง คือ หินลาพิส ลาซูลีมาบด โดยหินลาพิส 1 กิโลกรัมบดได้รงควัตถุหรือเม็ดสี 30 กรัมเท่านั้น (หายากกว่าทอง) ดังนั้นจึงต้องเป็นเศรษฐี หรือ ผู้ที่อุปถัมภ์ศิลปินเท่านั้นที่จะกล้าเปย์สีน้ำเงินนี้มาได้
[ถ้านึกออก ภาพวาด Girl with a Pearl Earring ที่เป็นผู้หญิงใส่ต่างหูมุกและโพกหัวสีน้ำเงิน ก็คือสีเดียวกัน แต่ทาได้แค่นั้นเพราะแพงมาก]
.
.
กลับมาที่วิลล่า ในสมัยนั้น เจ้าของวิลล่าคือ Jacques Majorelle ศิลปินชาวฝรั่งเศสที่ชื่นชอบความเป็นแขกมัวร์ หรือ มอร็อคโคหนักมาก ก็เลยซื้อวิลล่าซะเลย และด้วยความรวยก็ทาสีน้ำเงินลงไปที่วิลล่า จนขนานว่า นี่คือสีน้ำเงินชื่อตนเอง และพัฒนาจนจดสิทธิบัตร ในชื่อ Majorelle Blue ที่มีรหัสสีแบบ Hex พร้อม RGB CMYK ครบทั้งหมด !!
[ถ้าใครอยากรู้ :: รหัสสี HEX #6050dc | R37.6 G31.4 B86.3 | C56.4 M63.6 Y0 K13.7]
.
.
จากนั้นเจ้าตัวก็ดันเสียชีวิตและปล่อยให้วิลล่าสีน้ำเงินสุดรักนั้นปล่อยขาย และวันหนึ่งในปี 1980 Yves Saint Laurent และกลุ่มคนรัก-เพื่อน ก็ดันมาเจอวิลล่านี้พอดี! และตัดสินใจอยู่ที่นี่ จนวันที่เสียชีวิต เถ้ากระดูกยังถูกโปรยที่นี่เลย จนถนนที่ตัดผ่านวิลล่า ถูกเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Rue de Yves Saint Laurent ในปี 2010 ไปซะเลย!
.
.
ดังนั้นนี่จึงเป็นเรื่องราวของ Yves Saint Laurent museum มิวเซียมที่ถ้าใครมีโอกาสได้ไปเมือง มาราเกซ มอร็อคโค ควรค่าต่อการไปเยี่ยมเยือนเป็นอย่างมาก เพราะที่นี่ผ่านประวัติอันโชกโชน และ มีหลายโซนให้เดินเล่น ทั้งความสวยงามด้านสถาปัตย์ ดีไซน์ จนไปถึงการชม Collection แฟชันของ Saint Laurent อีกด้วย
.
.
Reference
